วันอาทิตย์ที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2551

เมื่อเราประสบปัญหากับการทำ ไม่ไช่การวางแผนในการทำฝัน

เคยเป็นไม๊คับ บางทีวางแผนจะทำตามฝัน แนวคิดก็ดี รูปแบบแผนก็ระเอียด แต่สุดท้าย ไม่เกิด เพราะตัวเราไม่ทำ

มีคนถามปัญหานี้กับผม ซึ่งเป็นปัญหา ที่เกิดขึ้นกับผมหรือกัน

ผมไม่ได้ตอบคำถามเค้าไป แต่ผมอยากทดสอบคำตอบที่ผมคิดก่อน

นั่นคือ สติแห่งสมาธิ

ฝึกนั่งอานาปานสติ นั่งสมาธิ ฝึกรู้ลมหายใจเข้าออกใน ทุกๆวัน ผมว่านี่น่าจะช่วยให้มีสติ มีใจจดจ่อมากขึ้น
ในสิ่งที่เราต้องการ ทำให้เรารู้ตัวว่าเราต้องการทำอะไร

ผมคิิดว่าวิธีนี้จะเป็นวิธีที่ทำให้ควบคุมตัวเองให้ทำตามแผนได้

ผมจะลองดูครับ ได้ผลไม่ได้ผล เดี๋ยวมาเล่าให้ฟังนะ

วันเสาร์ที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2551

คำกล่าวสุนทรพจน์ ของSteve job ที่stanford

เขากล่าวเปิดด้วย ว่า เค้ารู้สึกยินที่ได้มากล่าวสุนทรพจน์ ในมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของโลก

เค้ามีเรื่องที่จะเล่าให้ฟัง3เรื่อง

เรื่องที่ 1 ลากเส้นต่อจุด ชีวิตคุณในแต่ละจุด และจุดต่อไปคุณนึกไม่ออกหรอก เมื่อมองไปข้างหน้า คุณเพียงแค่ศรัทธา และทำลงไป ว่ามันดีแล้ว มันเป็นจุดที่คุณรักจะที่ทำ และเป็นสิ่งที่คุณฝัน มองย้อนไปจุดหลัง แล้วก็ทำจุดต่อไป ด้วยทำในสิ่งที่รักที่สุด เช่น ตัวเค้า เค้าเรียนวิชาประิดิษฐ์อักษร ซึ่งดูจะไม่มีผลด้านอาชีิพต่อความสำเร็จอาชีำพใดในโลก แต่อีก10ปีต่อมา เมื่อเค้าทำงานที่บริษัืทapple ความรู้ของเค้าได้เป็น พื้นฐานการเรียงรูปตัวอักษรในเอกสาร ที่มีความสวยงาม แบบแรกแบบหนึ่งของโลก จนเป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จของบริษัท ซึ่งถ้ามองย้อนกลับไป หากว่าเค้าไม่เรียนวิชาประิดิษฐ์อักษร ความสำเร็จนี้จะไม่เกิดขึ้น

เรื่องที่ 2 ความรักและการสูญเสีย เค้าถูกไล่ออกจากบริษัืืืืทapple ที่ตัวเองก่อตั้ง มันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตของ เค้า แม้ว่าตอนแรกเค้าจะเสียใจ และไม่เห็นทิศทางของชีวิต เพราะเมื่อออกมา จากความคาดหวังความสำเร็จอันหนักอึ้ง เค้าได้เริ่มใหม่ กับความสบายในการเริ่มใหม่อีกครั้ง แล้วนั่นก็ทำให้เค้าได้พบกับความรัก แล้วเค้าก็ได้กลับมาสู่บริษัืืทappleอีกครั้ง จากการที่เค้าเริ่มต้นทำสิ่งที่รักใหม่อีกครั้งกับการตั้งบริษัืทใหม่ คือNext และPixar ซึ่ง appleได้ซื้อNext เค้าเลยได้นำ ความรู้ที่พัฒนาในบริษัทนั้น มาใช้ ซึ่งเป็นถือส่วนหนึ่งของความสำเร็จ ของapple ในปัจจุบัน

เรื่องที่ 3 ผมจำชื่อไม่ได้ แต่มันเกี่ยวกับความตาย เค้าบอกว่า เค้าเคยได้ยินคำคมนึง ที่ว่า
จงทำวันนี้ให้เหมือนเป็นวันสุดท้ายของชีิวิต โดยเค้าเห็นว่าความตาย เป็นนวัตกรรมที่ยิ่งใหญ่ในชีวิตมนุษย์ มันทำให้เราเกิดการพัฒนา สร้างสรรค์ เค้ามักถามคำถามตัวเสมอว่า ถ้าวันนี้ให้เป็นวันสุดท้ายของชีิวิต เค้าทำดีพอหรือยัง แล้วหากรู้สึกว่าไม่ ในทุกๆวัน เค้าจะเปลี่ยนแปลงตัวเอง และทำให้มันดีพอ ความตาย เป็นสิ่งที่ทำให้ลงไม่นึกถึงเกียรติ ศักดิ์ศรี และควาำมสำเร็จ แต่มันทำให้นึกถึงว่า ตอนนี้เราทำตามฝันหรือยัง ถ้าไม่จงทำตามฝัน อย่าสนใจใคร เดินหน้าตามฝัน ทำตามหัวใจคุณเรียกร้อง

สุดท้ายเค้ากล่าวถึงหนังสือเล่มเล็กๆตอนเด็กที่เค้าประทับใจ ที่เป็นเสมือนgoogleวัยเด็กของเค้า ซึ่งได้ทำเล่มสุดท้าย โดยหลังปกมีคำคมนึง แล้วเค้าก็ใช้มันเป็นคำกล่าวจบสุนทรพจน์
" อยู่อย่างกระหายและเรียนรู้อยู่เสมอ "

วู๊! พลังแห่งการทำฝันมันเปล่งเต็มตัวผมแล้ววุ้ย!

ขอไปทำตามฝันก่อนหละ

ใจสงบไว้นะ ปากสงบไว้นะ ปากกับใจ ช่วยหน่อยเถอะ สมองคิดก่อน หยุดปากกับใจไว้ ผมไม่อยากรู้สึกผิดแล้ว!

เคยเป็นไม๊คับ บางอารมณ์เราก็อวดดี อย่างมาตภาคภูมิ แล้วก็มาเสียใจว่า ไม่น่าพูดอย่างนั้นเลย เรามันก็แค่คนคนนึง เกิดมาตายได้เท่านั้น

เคยเป็นไม๊คับ ที่บางเผลอทำอวดรู้ พูดในสิ่งที่คิดทั้งที่ไม่มีข้อมูล พูดไปด้วยความอวดรู้ อยากโชว์ว่าตัวเจ๋ง

ผมเป็นทั้งสองอย่างเลย หลายครั้งหลายครา ชอบพูดส่อเสียด เสียดสี ด่า กวนตีนคนอื่นด้วย มันทำไปแล้ว รู้สึกว่าไม่ทำเลย ไม่ดี ถ้าโดนอย่างนั้นก็คงไม่ชอบ

ผมจึงเริ่มพยายามหายใจลึกๆตลอดเวลา เพราะพอผมทำอย่างนี้แล้ว ผมรู้สึกว่า ผมมีสติ มีพลังในการควบคุมตัวเองมากขึ้น หัวก็พยายามคิดเรื่องก่อนที่จะพูดเสมอ คิดไตร่ตร่องว่า ถูกที่ ถูกเวลาหรือเปล่าที่จะพูด สมควรไม๊

ผมเริ่มทำมันได้แล้วคับ... ผมทำมันได้แล้ว!

ผมจะรัก ผมจะดี กับทุกคน ไม่ว่าเค้าจะดีหรือร้ายกับผม

ผมจะรัก ผมจะดี กับทุกคน ไม่ว่าเค้าจะดีหรือร้ายกับผม. อย่างน้อยก็ทำให้ผมสบายใจที่ทำให้ผมรู้สึกได้ว่าไม่ได้ทำอะไรให้ใครเครียดแค้น เสียเปรียบเค้าบ้าง เสียประโยชน์แก่เค้าบ้าง ไม่เป็นไร ซื้อความสบายใจ ซื้อความสุขใจ ด้วยการดีต่อทุกคน ไม่ว่าจะร้ายดีมีจน อย่างไรกับผม

ผมจะมียิ้มในดวงตาตลอดวัน ริมฝีปาก ที่ค่อนข้างกางกว่าปกติอย่างคนอมยิ้ม

ผมจะเป็นคนอมยิ้ม ผมจะได้ไม่ต้องเป็นคนอมทุกข์ ไม่ได้เก็บเรื่องนั่นมาเผาตัวเอง มาทำให้ตัวเองเศร้า ไม่ต้องเหนื่อยเลือดเดือดคับแค้นใคร พยาบาทใคร

ผมต้องเป็นคนที่มีความสุขมากคนนึง ในโลกแน่เลย ^o^

ทำไมผมถึง คิดถึงแต่วิธีใช้เงิน มากกว่าหาเงิน?

วันนึงผมสงสัยตัวเอง ด้วยความที่ว่าทั้งวันผมอยากได้นั่น อยากได้นี่ตลอด

เช้าเห็นรถสปอร์ตคันงาม วิ่งผ่าน// ถ้าฉันมีเงิน ฉันจะซื้อสักคัน

โืีทรศัพท์เครื่องสวยของเพื่อน//ถ้าฉันมีตังค์ ฉันจะซื้อสักเครื่อง

....//....

อีกมากมาย ตลอดทั้งวัน ที่ทำให้ผมสงสัยตัวเองว่าทำไมผมถึงนึกแต่วิธีใช้เงินนะ แต่ในทางกลับกัน ผมไม่คิด และไม่คิดถึงวิธีหาเงิน เลย ทำไม ทำไม ทำไม!

คิดแล้วก็เมื่อยหัวตัวเองเล่น คิดยังไงก็คิดไม่ออก อย่างไรก็ตามผมก็ได้แนวคิดจากเรื่องนี้ คือ ยิ่งคิดเรื่องอยากใช้เงินมากเท่าไหร่ ยิ่งต้องเปลี่ยนทั้งหมดเป็นคิดอยากหาเงินมากเท่านั้น

คิดอยากได้ไม่ผิด คิดอยากได้เท่าไหร่ ก็ลองคิดหาดูว่าจะหาจำนวนเท่านั้นได้อย่างไร

อย่างผม อยากได้เบนซ์ขับจัง=3ล้านบาท คนที่ขับเบนซ์ต้องมีเงิน3ล้านบาท ฐานะทางการเงินต้องมั่นคง และตลอดปีเค้าต้องมีรายได้มากกว่า3ล้าน ผมเลยคิดว่าผมต้องเป็นอะไร หรือทำอะไร ว่าผมต้องมีรายได้ต่อเดือนเท่าไหร่ จึงจะมีพอกินเหลือใช้ ซื้อรถคันละ3ล้านบาทไม่เสียดาย

ผมบอกตัวเอง ต้องใจแข็งไว้ว่า อยากได้นึงอย่าง ต้องคิดหาวิธี แล้วต้องทำตามวิธีนั้นจนมีตังค์มาแลกกับสิ่งที่อยากได้ หากอยาก1อย่างแล้ว ต้องหยุดอยากได้อย่างอื่น ต้องทำให้มันได้ก่อนเท่านั้น

ไม่งั้น ผมคงฝันแล้งๆ ตลอดชาิติ ไม่สมดังอยากแน่เลยT^T

วันพฤหัสบดีที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2551

ชีวิตทำไมเริ่มเครียดนะ?

พอผมทำแต่งาน แต่งาน ก็เครียด ผมเริ่มอยากทำไอ้สิ่งที่เรียกว่าการผ่อนคลาย พวกเล่นเกมส์ แต่ผมก็ลองคิดก่อนที่จะทำมัน การเล่นมันเพียงทำให้ผมไม่คิดถึงเรื่องงาน ลืมเรื่องงานไปชั่วคราวเท่านั้น ถ้าผมอยากผ่อนคลายจริงๆ ผมต้องทำงานให้เสร็จ ต้องทำในสิ่งที่ควรทำ แล้วจึงจะผ่อนคลายสบายได้จริงๆ ความจริงแล้ว งานของผม มันแค่สิ่งที่ต้องทำ ไม่รู้ผมไปผูกใจให้เครียดทำไม ทำทำให้เสร็จ เพื่อให้ชีวิตประสบความสำเร็จ ยังมีหลายสิ่งที่ต้องทำ เพื่อผมจะต้องทำในสิ่งที่อยากทำ ฉะนั้นแล้ว ผมไม่จำเป็นต้องผ่อนคลายแล้วสินะ เพราะผมไม่เครียด งานมันไม่เครียดกับผมเลย อ่านหนังสือหาความรู้เตรียมสอบเข้ามหาลัยก็ไม่ไช่เรื่องที่น่าเบื่อ

สองอย่างนี้เป็นสิ่งที่ท้าทายต่างหาก ท้าทายให้ผมพิชิตมัน และสิ่งที่ต้องทำอีกหลายอย่างข้างหน้า เพื่อชีวิตผมจะได้ประสบความสำเร็จ จะได้ทำหลายๆสิ่งที่ต้องการ มันท้าทายจะตาย มันน่าเบื่อ มันเครียดตรงไหน ยิ่งลุยงานยิ่งผ่อนคลายว่ามันใกล้ความสำเร็จมากขึ้นแล้ว ใช้แล้ว ผมใกล้ความสำเร็จขึ้นแล้ว

แล้วผมจึงบอกตัวว่า"ทำในสิ่งที่ต้องทำให้หมด เพื่อวันนึงจะได้ประสบความสำเร็จ ได้ทำในสิ่งที่อยากทำ"

สิ่งที่สำคัญของชีวิต ผมคิดว่าคือการวางแผน

ผมเริ่มวางแผนจัดการทุกอย่าง เขียนรายการว่า ผมมีงานใดต้องทำ งานใดตอนเสร็จกำหนดส่งตอนไหน งานไหนมีความสำคัญมากที่สุด ผมเริ่มเขียนๆงานออกมาใน รายการแล้วกันจัดเป็นลำดับ ลงไปในรายการใหม่ ที่ผมเรียกว่า

รายการทำงาน

งานที่ด่วน และสำคัญ
กับงานที่สำคัญ

งานที่ด่วนและสำคัญก็เป็นงานที่ครูกำหนดให้ส่ง กับอ่านหนังสือก่อนสอบ ส่วนงานที่สำคัญ ก็เป็นการอ่านหนังสือพวกความรู้ ที่จะใช้สอบเรียนต่อ ที่สำคัญที่สุดคือภาษาอังกฤษ

ผมก็เริ่มทำตาม รายการนั้น

ผมอยากเป็นคนแบบไหน?

ผมถามตัวเอง ผมอยากเป็นคนยังไง

ผมตอบตัวเองว่า

ผมอยากเป็นคนที่มีระเบียบวินัย มีสติ มีสมาธิ มีจิตใจที่สงบ เป็นคนที่ทำงานมีการวางแผน เป็นคนที่คิดก่อนทำ คิดก่อนพูด

แล้วผมจะมัวอยากทำไมหละเนี่ย ก็เป็นมันเลยซะตอนนี้ เป็นสิ เป็นอย่างที่อยากสิฟะ!!!

วันอังคารที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2551

sedic

ผมเป็นคนที่ชอบแก้ปัญหา ไม่ชอบจมอยู่กับปัญหา ผมเลยเริ่มแก้ปัญหาในชีวิต ที่ละเปลาะ ที่ละเปลาะ ผมรู้สึกว่ามันดีขึ้นนะ ที่พอจัดการกับปัญหาเรียบร้อยแล้ว รู้สึกว่าชีวิตเป็นอย่างที่ต้องการขึ้น เป็นดั่งใจขึ้น ช่วยให้กำลังใจหน่อยนะคับ ผมกำลังพยายาม ปรับเปลี่ยนตัวเอง เป็นคนที่ดีกว่าเดิม เพื่อจะเป็นคนที่ประสบความสำเร็จครับ